แบบฝึกหัด

(1.) ระบบสารสนเทศ หมายถึง

(ตอบ) ระบบสารสนเทศ คืออะไร ระบบที่มีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการรวบรวม จัดเก็บ หรือจัดการกับข้อมูลข่าวสารเพื่อให้ข้อมุลนั้นกลายเป็นสารสนเทศที่ดี สามารถนำไปใช้ในการประกอบการตัดสินใจได้ในเวลาอันรวดเร็วและถูกต้อง ระบบสารสนเทศจึงเป็นระบบที่จัดตั้งขึ้น เพื่อปฏิบัติการเกี่ยวกับข้อมูล ดังต่อไปนี้
- รวบรวมข้อมูลทั้งภายใน ภายนอก ซึ่งจำเป็นต่อหน่วยงาน
- จัดกระทำเกี่ยวกับข้อมูลเพื่อให้เป็นสารสนเทศที่พร้อมจะใช้ประโยชน์ได้
- จัดให้มีระบบเก็บเป็นหมวดหมู่ เพื่อสะดวกต่อการค้นหาและนำไปใช้
- มีการปรับปรุงข้อมูลเสมอเพื่อให้อยู่ในสภาพที่ถูกต้องทันสมัยตลอดเวลา ขบวนการที่ทำให้เกิด ข่าวสารสนเทศนี้เรียกว่า “การประมวลผลสารสนเทศ” และเรียกวิธีการประมวลผลสารสนเทศด้วยเครื่องมืออิเลคทรอนิกส์ว่า “ เทคโนโลยีสารสนเทศ”( Information Technology :IT) ( นาย กิตติชัย จันทร์เติบ ผู้ตอบ )
(แหล่งที่มา)
http://jittpanyaphong.tripod.com/Page1.htm
http://www.kkw.ac.th/kkwweb/newjob/teacherhead/webpookie/pensil/lesson8.htm
http://www.kkw.ac.th/kkwweb/newjob/teacherhead/webpookie/pensil/lesson8.htm


(2.) ทำไมต้องศึกษาระบบสารสนเทศ

(ตอบ) เนื่องจากวิทยาการที่ก้าวหน้าทางด้านคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสารสนเทศ ทำให้สารสนเทศมีประโยชน์และใช้งานได้กว้างขวางมากขึ้น และรวมถึงการใช้เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ในการรวบรวม จัดเก็บ ใช้งาน ส่งต่อ หรือสื่อสารระหว่างกัน เทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวข้องโดยตรงกับเครื่องมือเครื่องใช้ในการจัดการสารสนเทศ ได้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์รอบข้าง ขั้นตอนวิธีการดำเนินการซึ่งเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ ข้อมูล บุคลากร และกรรมวิธีดำเนินงานเพื่อให้ข้อมูลเกิดประโยชน์สูงสุด
( นาย กิตติชัย จันทร์เติบ ผู้ตอบ )

(3.) ระบบสารสนเทศช่วยสนับสนุนการปฎิบัติการทางธุรกิจ ช่วยการตัดสินใจสำหรับผู้บริโภคอย่างไร อธิบาย
(ตอบ) ช่วยให้การสั่งงานเครื่องคอมพิวเตอร์ รวดเร็ว ง่าย และมีประสิทธิภาพ ทำหน้าที่จัดการเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่างๆ ของระบบไมโครคอมพิวเตอร์ เช่น หน่วยประมวลผลกลาง อุปกรณ์รับ - ส่งข้อมูล รวมทั้งโปรแกรมต่างๆ ในชุดนี้ ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การทำงานของคอมพิวเตอร์ ให้เกิดความสะดวก รวดเร็วด้วย ระบบปฏิบัติการรุ่นแรกๆ จะบันทึกอยู่บนจานแม่เหล็ก จึงเรียกว่า ดอส (DOS; Disk Operating System) ปัจจุบันระบบปฏิบัติการที่ได้มีชื่อเสียง และใช้กันอย่างแพร่หลาย ได้แก่ Microsoft Windows ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่มีการติดต่อกับผู้ใช้แบบกราฟิกทำให้ใช้งานได้ง่ายกว่า
ระบบปฏิบัติการ เป็นตัวเชื่อมระหว่างฮาร์ดแวร์กับผู้ใช้เพื่อจัดการเกี่ยวกับสิ่งต่อไปนี้ คือ
การจัดการเกี่ยวกับไฟล์และซอฟต์แวร์อื่นๆ
การจัดการเกี่ยวกับอุปกรณ์รับข้อมูลและแสดงผล
การจัดการเกี่ยวกับหน่วยความจำ
การจัดการเวลาในหน่วยประมวลผลกลาง
สารสนเทศกับการตัดสินใจ
1. ระดับการวางแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว(strategi planning)
2. ระดับวางแผนการบริหาร(tactical planning)
3 .ระดับวางแผนการปฏิบัติการ(operational planning)
4. ระดับผู้ปฏิบัติการ(clerical)
( นาย กิตติชัย จันทร์เติบ ผู้ตอบ )
(แหล่งที่มา)
http://www.rbac.ac.th/tipcomputer/os.htm

(4.) ระบบสารสนเทศนั้นมีข้อดีในการแข่งขันอย่างไร ยกตัวอย่างตามความเข้าใจ
(ตอบ) ข้อดีของระบบสารสนเทศในการแข่งขันมีดังนี้
1. ง่ายต่อการใช้งานของผู้ใช้งาน
2. ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้อย่างลึกซึ้งในเรื่องคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
3. ค้นหาสารสนเทศที่ต้องการได้ในเวลาที่รวดเร็วและมีข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ
4. ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจสารสนเทศที่นำเสนออย่างชัดเจน
5. ประหยัดเวลาในการดำเนินงานและการตัดสินใจ
6. สามารถติดตามและจัดการสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
( นาย กิตติชัย จันทร์เติบ ผู้ตอบ )
(แหล่งที่มา)
http://www.northcm.ac.th/web/e-learning/51-111/Document/chapter6.doc

5. เราจะใช้อินเตอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซ์ทราเน็ต ในเครือข่ายธุรกิจได้อย่างไรอธิบาย
(ตอบ) การใช้งานอินเตอร์เน็ตบนเว็บไซค์
World Wide Web:WWW หรือเรียกย่อๆ ว่า Web เป็นระบบอินเตอร์เน็ต (ซอฟต์แวร์) ที่ทำให้เกิดการเชื่อมโยงเอกสารในรูปของมัลติมีเดียที่อยู่ใน server ต่างๆ บนอินเตอร์เน็ต ด้วยวิธีการชอง World Wide Web:WWW สารสนเทศที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกันแต่อยู่ใน server ต่างๆ (physical location) สามารถนำมาเชื่อมโยงถึงกันได้ ไม่ว่าจะเป็น text,graphic,picture หรือ voices WWW
การใช้งานอินทราเน็ต
การใช้งานอีเมล์ติดต่อกันกับเจ้าหน้าที่ภายนอกองค์กรในอินทราเน็ตในการส่งรับข้อมูลกัน ประโยชน์ที่ได้จากการใช้งานในอินทราเน็ตในการส่งรับข้อมูลใช้งานการแนบไฟล์ (attach file) ขนาดใหญ่ๆไปกับอีเมล์ ซึ่งทำได้สะดวกและรวดเร็วมากในระบบอินทราเน็ต
การใช้งานเอ็กซ์ทราเน็ต
ระบบเอ็กซ์ทราเน็ต (Extranet) เป็นการเชื่อมโยงระหว่างองค์กรต่างๆที่มีอินทราเน็ตเข้าด้วยกัน การใช้เอ็กซ์ทราเน็ตนั้น องค์กรที่เชื่อมกันอยู่จะสามารถแบ่งข้อมูลภายในได้ตลอดเวลาระหว่างเครือข่ายอินทราเน็ตของตนกับองค์กรอื่น ๆ หรือผู้ใช้บริการได้อย่างปลอดภัย

(แหล่งที่มา)
http://www.geocities.com/weerajo/p1_1.html
http://202.149.114.180/rcc/intranet.htm
http://72.14.235.104/search?q=cache:WIR_mqD-
http://72.14.235.104/search?q=cache:WIR_mqD-WhkJ:www.brw.moe.go.th/jobstudent/2549/m5/datacommunication/link/fb8.htm+%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%87%E0%B8%95&hl=th&ct=clnk&cd=10&gl=th
(นาย เอกพันธ์ อนันรัตน์มณี ผู้ตอบ)

6. เทคโนโลยีสารสนเทศมีความสำคัญอย่างไรในการทำธุรกิจยุคการสื่อสารไร้พรมแดนอธิบายพร้อมยกตัวอย่าง
(ตอบ) มีความสำคัญมากในปัจจุบันเนื่องจาก เทคโนโลยีที่ใช้ในทางธุรกิจมีผลต่อกระบวนการ การทำงานในด้านต่างๆ เช่น กลยุทธ์ในด้านการตัดสินทางธุรกิจ ความเร็วของข้อมูล การติดต่อสื่อสารในองค์กร และการปรับปรุงด้านต่างๆภายในองค์กร เช่น การใช้ระบบสำนักงานอัตโนมัติแบ่งออกย่อยๆ ดังนี้
-ระบบ e-office
-ระบบ e-mail
-ระบบ e-meetint
-ระบบการนัดหมาย
-โปรแกรมสำนักงาน
(นาย เอกพันธ์ อนันรัตน์มณี ผู้ตอบ)
(แหล่งที่มา)
www.cs.buu.ac.th/~310101/ppt/slide-04-InformationSystems.ppt

7. กระบวนการทางธุรกิจสามารถดำเนินการไปต่อได้หรือไม่ถ้าหากไม่มีเทคโนโลยีสารสนเทศอธิบาย
(ตอบ) ไม่ได้เนื่องจากปัจจุบันนี้องค์กรต่างๆ จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาเทคโนโลยีในการพัฒนาองค์กร เพื่อนำไปสู่กระบวนการ การทำงานที่มีประสิทธิภาพทุกๆด้านขององค์กร เพื่อให้การทำงานขององค์กรมีประสิทธิภาพในทางธุรกิจ
(นาย เอกพันธ์ อนันรัตน์มณี ผู้ตอบ)

8. เทคโนโลยีมีความสำคัญและเป็นกลยุธทที่ดีในการสร้างความได้เปรียบคู่แข่งขันอย่างไรอธิบายตามความเข้าใจของนักศึกษา
(ตอบ) มีความสำคัยเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยกระบวนการ ด้านการใช้งานเทคโนโลยีในการทำงานที่มีประสิทธิภาพ การทำงานขององค์กรก็จะได้เปรียบในทางธุรกิจขององค์กรอื่นที่มีประสิทธิภาพของเทคโนโลยีน้อยกว่า เช่น การติดต่อสื่อสารข้อมูลลูกค้า , ข้อมูลถูกต้องชัดเจนและค้นหาสะดวกรวดเร็ว, สินค้ามีคุณภาพมาตรฐาน , เพียงต่อความต้องการของลูกค้าและความพึงพอใจในการได้รับการบริการที่ดี
(นาย เอกพันธ์ อนันรัตน์มณี ผู้ตอบ)